ในการที่เราจะ เลือกนํ้าหอมได้ถูกต้องนั้น เราก็ต้องทำความรู้จัก กับนํ้าหอม กันก่อน นํ้าหอมนั้นเป็นผลของส่วนผสมหลัก 2 อย่างนั่นก็คือ นํ้ามันหอม (Fragrant Oils) ที่ถูกทำให้เจือจางลงด้วย แอลกอฮอล์ (Alcohol) ในระดับความเข้มข้นของความหอมที่ถูกทำให้เจือจางลงด้วย แอลกอฮอล์ นี้ จะมีระดับความเข้มข้นที่ต่างกันไป
การเลือกน้ำหอมตามความทนนานของกลิ่น
Eau de Parfum (EDP) คือนํ้าหอม ที่มีส่วนผสมของนํ้ามันหอม ในสัดส่วนที่ 15-18 %
Eau de Toilette (EDT) คือนํ้าหอม ที่มีส่วนผสมของนํ้ามันหอม ในสัดส่วนที่ 4-8 %
Eau de Cologne (EDC) คือนํ้าหอม ที่มีส่วนผสมของนํ้ามันหอม ในสัดส่วนที่ 3-5 %
เวลาที่เหมาะสมที่จะไปเลือกซื้อน้ำหอม
น้ำหอมที่จริงเลือกซื้อได้ทุกเวลา ขึ้นกับรสนิยม และช่วงโอกาสที่จะใส่น้ำหอมนั้นๆ แต่โดยทั่วไปควรเข้าใจไว้ว่าน้ำหอมกลิ่นหนึ่งอาจเหมาะกับเวลากลางวัน และอีกกลิ่นหนึ่งอาจเหมาะกับเวลากลางคืน หรือน้ำหอมที่มีกลิ่นอ่อน ๆ ก็เหมาะที่จะใช้ในหน้าร้อนส่วนหน้าหนาวก็ควรใช้น้ำหอมที่มีกลิ่นแรงมากขึ้น และเกร็ดการเลือกน้ำหอมโดยทั่วไปเป็นดังนี้
การเลือกน้ำหอมตามความทนนานของกลิ่น
Eau de Parfum (EDP) คือนํ้าหอม ที่มีส่วนผสมของนํ้ามันหอม ในสัดส่วนที่ 15-18 %
Eau de Toilette (EDT) คือนํ้าหอม ที่มีส่วนผสมของนํ้ามันหอม ในสัดส่วนที่ 4-8 %
Eau de Cologne (EDC) คือนํ้าหอม ที่มีส่วนผสมของนํ้ามันหอม ในสัดส่วนที่ 3-5 %
เวลาที่เหมาะสมที่จะไปเลือกซื้อน้ำหอม
น้ำหอมที่จริงเลือกซื้อได้ทุกเวลา ขึ้นกับรสนิยม และช่วงโอกาสที่จะใส่น้ำหอมนั้นๆ แต่โดยทั่วไปควรเข้าใจไว้ว่าน้ำหอมกลิ่นหนึ่งอาจเหมาะกับเวลากลางวัน และอีกกลิ่นหนึ่งอาจเหมาะกับเวลากลางคืน หรือน้ำหอมที่มีกลิ่นอ่อน ๆ ก็เหมาะที่จะใช้ในหน้าร้อนส่วนหน้าหนาวก็ควรใช้น้ำหอมที่มีกลิ่นแรงมากขึ้น และเกร็ดการเลือกน้ำหอมโดยทั่วไปเป็นดังนี้
- ก่อนที่เราจะลองน้ำหอมถ้าเป็นไปได้ไม่ควรที่จะรับประทานอาหารรสจัด มีกลิ่นฉุน หรือน้ำมันระเหยในตัวอาหาร เช่น กระเทียม หัวหอม วาซาบิ หรืออาหารที่มีกลิ่นน่นเอง
- ไม่ควรออกกำลังกายให้เหนื่อยมากเกินไป
- ไม่ควรไปเลือกซื้อนํ้าหอมในช่วงที่เราเพิ่งจะฟื้นจากอาการเจ็บป่วย หรือไม่สบาย หรือ เพิ่งสูบบุหรี่เสร็จ เพราะจะมีผลต่อการรับรู้กลิ่นทำให้กลิ่นนํ้าหอมที่เราสัมผัสเพี้ยนไปจากความเป็นจริง
จุดที่ดีที่สุดของร่างกายในการลองฉีดนํ้าหอมนั้น ก็คือตรงบริเวณ “ข้อมือ” นั่นเอง
ตำแหน่งที่เหมาะกับกรฉีดน้ำหอม
น้ำหอมจะระเหยได้ดีบนผิวเนื้อที่อุ่นและมีการหมุนเวียนโลหิตดี ดังนั้นจุดที่จะช่วยเร่งให้น้ำหอมส่งกลิ่นหอมได้มากและได้นานก็คือบรรดาจุดชีพจรของเรานั่นเอง เพราะในทุกจังหวะที่ชีพจรเต้นก็จะทำหน้าที่ทางอ้อมช่วยกระตุ้นให้กลิ่นหอม กระจายออกมาอย่างเป็นจังหวะต่อเนื่อง ฉะนั้นจึงควรฉีดน้ำหอมตามจุดชีพจร เช่น ข้อมือ, กระดูกไหปลาร้า, สะดือ, หรือแม้แต่บริเวณข้อพับขา
ข้อห้ามในการฉีดน้ำหอม
อย่าฉีดทับกลิ่นหอมอื่น : อย่าฉีดน้ำหอมทับลงบนโลชั่นหรือน้ำมันทาตัวแบบที่มีกลิ่นหอม เพราะสารเคมีในน้ำหอมอาจทำปฎิกิริยาจนเกิดกลิ่นผิดเพี้ยนไปได้
อย่าถูข้อมือเข้าด้วยกัน : การฉีดน้ำหอมแล้วถูข้อมือเข้าด้วยกันนั้น จะเป็นการทำลายโมเลกุลความหอมจนอาจทำให้เกิดกลิ่นผิดเพี้ยนได้ ใช้วิธีฉีดหรือแตะแต้มบนข้อมือแต่ละข้างแทนจะดีกว่า
อย่าใช้เยอะ : ถ้าคุณใช้น้ำหอมแบบที่เป็น Eau de Parfum ก็อย่าฉีดมากกว่าหนึ่งครั้ง น้ำหอมชนิดนี้มักจะมีกลิ่นเข้มข้นอยู่แล้ว และถูกออกแบบมาให้ใช้เพียงทีละนิดเท่านั้น
จุดที่ดีที่สุดของร่างกายในการลองฉีดนํ้าหอมนั้น ก็คือตรงบริเวณ “ข้อมือ” นั่นเอง
ตำแหน่งที่เหมาะกับกรฉีดน้ำหอม
น้ำหอมจะระเหยได้ดีบนผิวเนื้อที่อุ่นและมีการหมุนเวียนโลหิตดี ดังนั้นจุดที่จะช่วยเร่งให้น้ำหอมส่งกลิ่นหอมได้มากและได้นานก็คือบรรดาจุดชีพจรของเรานั่นเอง เพราะในทุกจังหวะที่ชีพจรเต้นก็จะทำหน้าที่ทางอ้อมช่วยกระตุ้นให้กลิ่นหอม กระจายออกมาอย่างเป็นจังหวะต่อเนื่อง ฉะนั้นจึงควรฉีดน้ำหอมตามจุดชีพจร เช่น ข้อมือ, กระดูกไหปลาร้า, สะดือ, หรือแม้แต่บริเวณข้อพับขา
ข้อห้ามในการฉีดน้ำหอม
อย่าฉีดทับกลิ่นหอมอื่น : อย่าฉีดน้ำหอมทับลงบนโลชั่นหรือน้ำมันทาตัวแบบที่มีกลิ่นหอม เพราะสารเคมีในน้ำหอมอาจทำปฎิกิริยาจนเกิดกลิ่นผิดเพี้ยนไปได้
อย่าถูข้อมือเข้าด้วยกัน : การฉีดน้ำหอมแล้วถูข้อมือเข้าด้วยกันนั้น จะเป็นการทำลายโมเลกุลความหอมจนอาจทำให้เกิดกลิ่นผิดเพี้ยนได้ ใช้วิธีฉีดหรือแตะแต้มบนข้อมือแต่ละข้างแทนจะดีกว่า
อย่าใช้เยอะ : ถ้าคุณใช้น้ำหอมแบบที่เป็น Eau de Parfum ก็อย่าฉีดมากกว่าหนึ่งครั้ง น้ำหอมชนิดนี้มักจะมีกลิ่นเข้มข้นอยู่แล้ว และถูกออกแบบมาให้ใช้เพียงทีละนิดเท่านั้น










0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น